คำถามจากคุณมอแมว
Q: ตอนนี้หนูใกล้จะจบมหาลัยแล้วค่ะ
แต่ประสบปัญหาค่ะ คือยังไม่รู้เลยว่าตนเองชอบอะไร รักอาชีพไหน ถนัดทางด้านไหน
ควรจะประกอบอาชีพอะไร เลยไม่รู้ว่าจะวางแผนชีวิตในอนาคตตัวเองอย่างไรดี
หนูคิดว่าคนบนโลกนี้จำนวนมากก็ยังไม่สามารถค้นพบตัวเอง ว่าชอบอะไร
เหมาะกับอาชีพไหน บางครั้งหนูก็อิจฉาคนบางคนที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร รักอาชีพไหน
เพราะการที่คนเราได้ทำในสิ่งที่ชอบสิ่งที่รัก ทำอะไรด้วยใจ
หนูว่ามันคงจะก้าวหน้ามากกว่าคนที่ทำเพราะหวังสิ่งตอบแทน เช่น ชื่อเสียง เงินทอง
หรืออย่างน้อยที่สุดก็มีความสุขที่เกิดจากการที่ทำงานที่ตนเองชอบ
สรุปคำถามคือ
อาจารย์พอจะมีวิธีการ
แนวทางอะไรที่จะทำให้คนเราค้นพบตัวเองในด้านหน้าที่การประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองบ้างคะ หลักในการวางแผนชีวิตในอนาคตที่ดีนั้นมีอะไรบ้างคะ
Answer: การหาพรสวรรค์ในตนเองทำได้อย่างไร
1. วิธีที่จะค้นพบพรสวรรค์ของตนเองได้
ระหว่างวัยเรียน
1.1
ในวันว่าง-ปิดภาคเรียน ให้ใช้เวลาว่างนั้นหางานพิเศษทำ
งานอะไรก็ได้ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
1.2
เปลี่ยนงานพิเศษทำไปเรื่อยๆ กว่าจะจบสี่ปี เราก็มีประสบการณ์เยอะแล้ว
จากนั้นก็ถามตัวเองว่า งานอะไรที่เราไปฝึกทำมัน หรือลองทำเป็นพิเศษนั้น
เราทำได้ค่อนข้างดี และรู้สึกว่าสนุกไปกับมันบ้าง คุณจะค้นพบได้ด้วยตนเอง
1.3
จำไว้ว่าไม่มีทางที่มนุษย์คนไหนจะค้นพบพรสวรรค์ตนเองได้ หากนั่งเฉยๆ
เรียนไปเรื่อยๆ คิดค้นหาหรือว่าคาดหวังไปเรื่อยๆ
เพราะเราจะค้นพบมันได้ด้วยประสบการณ์การเรียนรู้มันด้วยตัวเราเองเท่านั้น เช่น
บางคนเรียนจบแพทย์แต่พบว่าตนเองเป็นนักการเมืองได้ดีกว่าและชอบมากกว่า
บางคนจบวิศวะแต่หันมาเอาดีทางด้านการเป็นนักร้องหรือดาราก็มี อย่างเเบิร์ดธงชัย
แม็คฯก็เรียนจบมาแรกๆก็ทำงานสายธนาคารแต่มาลองหัดร้องเพลงดู
ก็พบว่าตนเองชอบมากกว่า และทำได้ดีกว่าจึงกลายมาเป็นซุปเปอร์เบิร์ด (ป้าเบิร์ด)
จนบัดนี้ เป็นต้น
1.4
ถ้าคนพวกนี้ไม่ลอง ไม่ทำ นั่งเฉยๆ เขาไม่มีวันพบพรสวรรค์หรือสิ่งที่ตัวเองชอบหรอก
ไม่มีใครคาดหวังหรอกว่าเรียนจบสาขาไหนแล้วจะสามารถทำงานในสาขานั้นได้อย่างรุ่งเรือง
เพราะทุกสิ่งไม่แน่นอนครับ
2. หลักการวางแผนอนาคตที่ดี
2.1
ทำปัจจุบันนี้ที่ตนมีหน้าที่และมีโอกาสทำอยู่ให้ดีที่สุด ไม่มีคำว่าเบื่อ
ไม่มีคำว่าท้อ ไม่มีคำว่าเซ็ง
2.2
ถ้าทำในข้อแรกได้สำเร็จ
นั่นเท่ากับว่าคุณก็มีต้นทุนหลายสิ่งที่จะนำไปใช้ในอนาคตได้ตั้งมากมาย
ไม่ว่าคุณจะนำไปประกอบอาชีพอะไรก็ตาม เช่น ความเฉลียวฉลาดในการมองโลก
ศักยภาพทางปัญญา ทักษะในการดำเนินชีวิตร่วมกันกับผู้อื่น ทักษะในการทำงานเป็นทีม
ทักษะการมีมนุษยสัมพันธ์กับผู้อื่น ความสามารถด้านการเรียนรู้
ทักษะการใช้ปัญญาของสมอง หรืออื่นๆ
สิ่งเหล่านี้คุณสามารถเรียนรู้ได้ในรั้วมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น
นอกเหนือจากวิชาการหรือวิชาชีพที่คุณเรียนซึ่งคุณอาจไม่รักไม่ชอบมัน
แต่คุณก็ต้องเรียนให้จบ สอบให้ผ่าน
เพราะสังคมไทยเขายังต้องการใบปริญญาบัตรของคุณไงครับ
2.3
เราจะเหลวไหลไม่ใส่ใจเรียนให้จบสอบให้ผ่าน
เพราะบอกตัวเองว่าเซ็งว่าไม่ชอบไม่ได้แล้ว เพราะมันหมายถึงการเสียเวลาไปสี่ปี
จงเอาใบปริญญามาให้ได้ จบแล้วคุณจะเลือกไปทำอาชีพอะไร ถึงวันเวลานั้นคุณจะรู้เอง
แต่ถ้าคุุณยิ่งทดลองงาน ฝึกงาน
ทำงานพิเศษในช่วงวันหยุดหรือปิดภาคเรียนในทุกปีการศึกษามาแล้วด้วย
มันก็จะยิ่งทำให้คุณมองเห็นช่องทางมากขึ้นได้เองแหละครับ
2.4 ต้องไม่เลือกงาน-ไม่เกี่ยงงานเมื่อเรียนจบแล้ว
หากทำงานอะไรได้แล้วพบว่าไม่ชอบก็ค่อยๆเสาะหาใหม่จนกว่าจะเจอที่ตนชอบ
แต่ไม่ควรเปลี่ยนงานบ่อยจนเคยตัว
2.5
ถ้าขยันในไม่ช้านานคุณก็จะพบงานที่เหมาะกับคุณแน่นอน
เมื่อพบแล้วก็จงทำมันให้เต็มที่ สนุกกับมันให้ได้ ไม่เอาปัญหาอื่นมาเป็นเงื่อนไขให้คุณหมดสนุก
เซ็ง หรือเบื่ออีก เช่น เพื่อนร่วมงานที่ในอนาคตคุณต้องเจอพวกเขาแน่
ซึ่งมันจะมีทั้งที่ดีและไม่ดีให้คุณได้เผชิญ