วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558

PSYCHO-SHOW ของ ปริญญา

งานแก้ไขพฤตินิสัยพนักงานขององค์กรที่บกพร่องนั้น
ท่านผู้บริหารหรือผู้บังคับบัญชาจะใช้วิธีจัดการธรรมดา
อย่างที่เคยทำ แต่ไม่ได้ผลกันอยู่อีกทำไม
............................................................................
นี่เป็นตัวอย่างบางพฤติกรรม
บางพฤตินิสัยเหลวไหลบกพร่องของพนักงาน
ซึ่งองค์กรหรือทีมงานของท่านไม่ต้องการ
เพราะสร้างปัญหาในระบบทีมเวิร์กได้มากมาย
และท่านนักพัฒนาคนขององค์กรทั้งหลาย
เคยแก้ไขกันอยู่...แต่ก็ไม่ได้ผล...9 แบบ เช่น
1.พนักงานบางคนเห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนตัว
2.พนักงานบางคนทำงานตามอารมณ์
3.พนักงานบางคนไม่กระตือรือร้นในการทำงาน
4.พนักงานบางคนเข้ากันกับคนอื่นไม่ได้
5.พนักงานบางคนทำตนเป็นหัวโจกในด้านลบ
6.พนักงานรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่เข้ากันไม่ได้
7.พนักงานบางคนทำตนไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์กร
8.พนักงานบางคนมุ่งแต่จะอิจฉาตาร้อนผู้อื่น
9.พนักงานบางคนชอบยุแยงตะแคงรั่วให้ทีมแตกแยก
*วิธีจัดการที่ท่านทั้งหลายมักหยิบใช้กัน
แล้วมันไม่ได้ผล เป็นอาทิ....
1.ผู้บังคับบัญชาหัวหน้างาน คอยดุด่า ว่ากล่าว
ตักเตือน ติติง เฝ้าระวังอยู่ใกล้ชิดเท่าที่จะทำได้
ซึ่งจะได้ผลเฉพาะต่อหน้า แต่ว่าลับหลัง
ก็ยังเหมือนเดิม
2.ให้รางวัลจูงใจด้านบวก ล่อให้หันมาทำดีแทน
โดยกระตุ้นให้อยากได้รางวัลนั้น เพื่อเขาจะได้ละเลิก
พฤติกรรม 1 ใน 9 นั้นเสีย
ผลลัพธ์ คือ ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง
ขึ้นกับว่ารางวัลนั้นจูงใจพวกเขาจริงหรือเปล่า
ผลลัพธ์ คือ ได้ผลในระยะสั้น
พอรางวัลจูงใจให้ไปนานๆมันก็เสื่อมอำนาจลง
พวกเขาก็หันกลับมาเหลวไหลในแบบเดิม
เมื่อไหร่ที่นายเผลอ หรือมีรูรั่ว
จนต้องหารางวัลจูงใจกันใหม่
จนต้องหารางวัลมาจูงใจเพิ่มอีก
เป็นอย่างนี้เรื่อยมาโดยไม่รู้จักคำว่า "พอ"
วันๆผู้บริหารจึงมิพักต้องทำอะไร
เพราะใช้เวลาไปกับการหาสิ่งจูงใจมาให้พวกเขา
เพียงเพื่อระงับพฤตินิสัยไม่ดีพวกเขา
แล้วจูงพวกเขาให้หันมาทำดีในแบบที่ท่านต้องการ
3.ให้รางวัลจูงใจด้านลบ เป็นกฎกติกา
เพื่อกดดันปิดกั้นการแสดงออกหรือกระทำ
พฤติกรรมขยะ (Un-acceptable Behavior)ของเขา
ที่องค์กรหรือทีมงานไม่พึงประสงค์เอาไว้
โดยใช้ความกลัวจะเสียประโยชน์
โดยใช้ความกลัวจะถูกลงโทษ
เป็นเครื่องมือสำคัญ
ผลลัพธ์ คือ ได้ผลในระยะสั้น
พอนานวันเข้ารางวัลด้านลบก็เสื่อมคลาย
เพราะมีการฝ่าฝืนเกิดขึ้น
เพราะบางคนฉลาดหลีกเลี่ยง
เพื่อที่จะทำเหลวไหลตามนิสัยลบของตัวมากขึ้น
ยิ่งถ้าผู้บังคับบัญชาบ้างาน ไม่เอาคน
รูรั่วก็จะเกิดขึ้นเยอะ
กฎข้อใหม่ๆก็จะมีเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
เพิ่มจนพนักงานและคนออกกฎเองจำไม่ได้ว่า
กฎข้อไหนว่าอย่างไรบ้าง
สำคัญ คือ พนักงานส่วนใหญ่ที่ดีๆขวัญเสีย
เพราะวิตกหวั่นไหวกลัวจะทำผิดกฎระเบียบ
วันๆทำงานอยู่อย่างไม่มีความสุข
เพราะพนักงานที่ดีมักจะกลัวผิดกฎ
ขณะพนักงานที่เหลวไหล
มักหาทางหลบเลี่ยงกฎระเบียบเสียส่วนใหญ่
ดังนั้น
ถ้าผู้บริหารมักง่าย 
คอยใช้กฎเป็นเครื่องมือ
กำกับพฤตินิสัยเหลวไหลของพนักงานส่วนน้อย
องค์กรนั้นก็มักจะเสียพนักงานส่วนใหญ่
ที่เขามีนิสัยดีๆมีคุณภาพ
ในรูปแบบสมองไหล เทิร์นโอเว่อร์สูง...
จะลาออกไปโดยไม่ทราบสาเหตุ
4.นำพวกเขาไปเข้าหลักสูตรฝึกอบรมทางวิชาการ
ให้ผู้รู้นำเอาองค์ความรู้มากมายที่ฝรั่งคิดมาขาย
เข้ามาทำเป็นโครงการฝึกอบรมอยู่เนืองๆ
ผลลัพธ์ คือ ได้ผลดีกับคนที่ดีๆอยู่แล้ว
แต่กับพนักงานเป้าหมายที่ไร้คุณภาพ
กลับไม่ค่อยได้ผล 
เมื่อพบว่าหลังฝึกอบรมแล้ว
แต่ละคนยังไม่เปลี่ยนแปลง....
ที่มันไม่ได้ผลกับบุคคลที่บกพร่องเหลวไหล
เพราะว่า "การสอนให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร"
ในรูปแบบการฝึกอบรมทั่วๆไปนั้น
มันเปลี่ยนแปลงแก้ไขพฤตินิสัยที่ไม่ดีของคนไม่ได้
เพราะมันเป็นปัญหาด้าน "จิตตปัญญา" ของมนุษย์
ที่พวกเขาบกพร่องมิใช่ไม่รู้ว่า
ที่เขาประพฤตินั้นไม่ดี ไม่สมควร ไม่ถูกต้อง
หรือเป็นพฤติกรรมที่ทีมหรือองค์กรไม่ต้องการ
แต่พวกเขาล้วนรู้อยู่เต็มอกว่าไม่สมควรทำ
ดังนั้น
เราจึงขอเรียนท่านนักพัฒนาคน
รวมทั้งผู้บริหารองค์กรว่า.....
อย่ามัวเน้นการใช้กฎ ใช้สิ่งจูงใจ 
และใช้การสอนด้วยวิธีฝึกอบรม
เพื่อมุ่งให้ความรู้เพราะคิดว่าเขาไม่รู้อยู่อีกเลย
ให้ท่านเปลี่ยนวิธีคิดที่จะแก้ไข
เพื่อเปลี่ยนแปลงหรือพฤติกรรมของพวกเขา
ด้วยหลักการด้านวิทยาศาสตร์พฤติกรรมดีกว่า
โดยให้มองว่าพวกเขา คือ 
ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ
มิใช่ผู้ที่ "ไม่รู้"
เพราะมนุษย์ทุกคนต้องการเป็นคนดี
ต้องการการยอมรับจากผู้อื่นและสังคม
การบกพร่องด้านพฤติกรรม
มันคือการบกพร่องทางจิตและปัญญา
ถ้าจะแก้ไขต้องแก้ที่
การพัฒนาจิตให้ใส พัฒนาที่ใจให้สวย
ช่วยให้เขามีจิตตปัญญา (จิตรู้สำนึก)ที่แข็งแกร่ง
สามารถระลึกรู้ในสิ่งอันควรไม่ควรได้ด้วยตนเอง
สามารถแสดงออกหรือกระทำแต่สิ่งดีๆ
ในแบบที่องค์กรหรือทีมต้องการได้ด้วยตนเอง
ทั้งสามารถลดละเลิกพฤติกรรมขยะใดๆได้ด้วยตนเอง
โดยไม่ต้องจูงใจให้เปลืองรางวัลพิเศษ 
โดยไม่ต้องให้บังคับขู่เข็ญ
ให้เสียอารมณ์รู้สึก
หรือเสียบรรยากาศในที่ทำงานของคนส่วนใหญ่
ท่านนักพัฒนาคนทั้งหลาย
ถ้าท่านเชื่อเหมือนที่ผมเชื่อว่า....
พลังอำนาจที่แท้จริงของทุกๆสรรพสิ่งนั้น
มันจะต้องขับเคลื่อนออกมา
จากข้างในของสรรพสิ่งนั้นเท่านั้น
ดังเช่น..... 
ความร้อนแรงและแสงสว่างของดวงอาทิตย์
ก็ล้วนสั่นสะเทือนออกมาจากข้างในแล้ว
พลังอำนาจด้านบวกด้านลบของมนุษย์
ก็จะต้องสั่นสะเทือนขับเคลื่อนออกมาจากข้างใน
ที่เราเรียกกลไกนี้ว่า "จิตตปัญญา" เช่นกัน
ถ้าเราจะช่วยให้คนที่บกพร่องเหลวไหล
หยุดพฤติกรรมขยะนั้นๆได้
เราก็จะต้องช่วยเข้าไปแก้ไขที่จิตสำนึก
ที่คอยขับเคลื่อนพฤติกรรมขยะของเขานั่น
เพราะพฤติกรรมขยะที่เขาแสดงออกมา
มันไม่เหมือนเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เขาใส่
พอเห็นว่าไม่สวยงามแล้วบอกให้เขาถอดทิ้งง่ายๆ
มันจึงเป็นไปไม่ได้...
เขาต้องการความช่วยเหลือจากท่านมากกว่านั้น
ด้านพฤติกรรมที่ดีๆก็เช่นกัน
หากจะให้เขาแสดงพฤตินิสัยแบบไหน
ท่านต้องช่วยเติมเข้าไปที่จิตตปัญญาของเขาเท่านั้น
พวกเขาจะสั่นสะเทือนมัน ขับเคลื่อนมัน
ออกมาให้ท่านทั้งหลายได้ชื่นใจ
ด้วยตัวของเขาเอง
Smart People
คือ ผู้ที่มีความเป็นผู้นำในตนเอง
ในแบบที่ท่านต้องการ
มิใช่เกิดจากการถูกบังคับหรือจูงใจแน่นอน
ทั้งหมดที่ผมกล่าวมา
เป็นสิ่งที่ผมขออนุญาตตอบคำถามท่านทั้งหลายว่า
PSYCHO-SHOW ของ ปริญญา 
คือ อะไร
ทำอะไรได้บ้าง
เป็นประโยชน์ต่องานพัฒนาคนอย่างไร
ด้วยความเคารพ
อ.ปริญญา ตันสกุล

Tel.081-6681478, 081-9349789